บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร
พระราชกฤษฎีกา
กฎกระทรวง
คำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร
ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
คำสั่งกรมสรรพากร
ประกาศกรมสรรพากร
 
 
     
 
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 128)
เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา ๖๗ ทวิ (๒) แห่งประมวลรัษฎากร
--------------------------------
      อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๖๗ ทวิ (๒) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๑) พ.ศ. ๒๕๓๔ อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขสำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่คำนวณและชำระภาษีจากกำไรสุทธิของรอบระยะเวลาหกเดือนนับแต่วันแรกของรอบระยะเวลาบัญชี ดังต่อไปนี้

      ข้อ   1   ให้ยกเลิกประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๔๓) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขสำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา ๖๗ ทวิ (๒) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๕

      ข้อ   2   บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประสงค์จะคำนวณและชำระภาษีจากกำไรสุทธิของรอบระยะเวลาหกเดือนนับแต่วันแรกของรอบระยะเวลาบัญชี จะต้องจัดให้มีการสอบทานงบแสดงสถานะทางการเงินเมื่อครบกำหนดระยะเวลาหกเดือนนับแต่วันแรกของรอบระยะเวลาบัญชี โดยให้แนบงบการเงินดังกล่าวและหนังสือรับรองของผู้สอบทานงบแสดงสถานะทางการเงินตามแบบแนบท้ายประกาศนี้ พร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการภาษีด้วย เว้นแต่กรณียื่นแบบแสดงรายการภาษีผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไม่ต้องแนบงบการเงินและหนังสือรับรองดังกล่าว แต่ต้องจัดทำและเก็บรักษาไว้ ณ สถานประกอบการ

      ข้อ   3   บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามข้อ ๒ จะต้องมิใช่บริษัทจดทะเบียน ธนาคารพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ หรือบริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์

      ข้อ   4   ผู้สอบทานงบแสดงสถานะทางการเงินของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามข้อ ๒ ต้องเป็นผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชีที่มีคุณสมบัติและปฏิบัติตามระเบียบที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรีซึ่งออกตามความในมาตรา ๓ สัตต แห่งประมวลรัษฎากร

      ข้อ   5   บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประสงค์จะปฏิบัติตามข้อ ๒ ให้ปฏิบัติดังนี้

                      (๑)  ยื่นคำร้องเป็นหนังสือขอความเห็นชอบผู้สอบทานงบแสดงสถานะทางการเงินต่ออธิบดีกรมสรรพากรอย่างช้าภายใน ๙๐ วันนับแต่วันแรกของรอบระยะเวลาบัญชีที่ยื่นคำร้องนั้น และให้เริ่มปฏิบัติตามข้อ ๒ ตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่ได้รับอนุมัติเป็นต้นไป หากประสงค์จะเลิกปฏิบัติตามข้อ ๒ ให้แจ้งความประสงค์ต่ออธิบดีกรมสรรพากรก่อน หรือจะแสดงความประสงค์ให้ปรากฏไว้ในแบบแสดงรายการขณะที่ยื่นรายการก็ได้

                      (๒)  หากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลประสงค์จะเปลี่ยนแปลงหรือแต่งตั้งผู้สอบทานงบแสดงสถานะทางการเงินเพิ่มเติมจากที่อธิบดีกรมสรรพากรให้ความเห็นชอบไว้ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวยื่นขอความเห็นชอบพร้อมแจ้งรายชื่อของผู้สอบทานงบแสดงสถานะทางการเงินรายใหม่ที่เปลี่ยนแปลงหรือแต่งตั้งเพิ่มเติม แล้วแต่กรณี ต่ออธิบดีกรมสรรพากรภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชีได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สอบทานงบแสดงสถานะทางการเงินของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น

                      (๓)   กรณีผู้สอบทานงบแสดงสถานะทางการเงินของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขาดคุณสมบัติการเป็นผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชี หรือมิได้ปฏิบัติตามระเบียบที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรีซึ่งออกตามความในมาตรา ๓ สัตต แห่งประมวลรัษฎากร และอธิบดีกรมสรรพากรไม่ให้ความเห็นชอบหรือเพิกถอนการให้ความเห็นชอบเป็นผู้สอบทานงบแสดงสถานะทางการเงิน ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวยื่นขอความเห็นชอบผู้สอบทานงบแสดงสถานะทางการเงินรายใหม่ต่ออธิบดีกรมสรรพากรภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่อธิบดีกรมสรรพากรไม่ให้ความเห็นชอบหรือเพิกถอนการให้ความเห็นชอบผู้สอบทานงบแสดงสถานะทางการเงินของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าว แล้วแต่กรณี

                      กรณีผู้สอบทานงบแสดงสถานะทางการเงินของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลถูกเพิกถอนการให้ความเห็นชอบ เนื่องจากมิได้ปฏิบัติตามระเบียบที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดโดยอนุมัติ รัฐมนตรีซึ่งออกตามความในมาตรา ๓ สัตต แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นจะยื่นขอความเห็นชอบผู้สอบทานงบแสดงสถานะทางการเงินที่ถูกเพิกถอนการให้ความเห็นชอบรายเดิมต่ออธิบดีกรมสรรพากรได้อีกเมื่อพ้นกำหนดเวลา ๓ ปีนับแต่วันที่อธิบดีกรมสรรพากรเพิกถอนการให้ความเห็นชอบ ผู้สอบทานงบแสดงสถานะทางการเงินรายนั้น

                      ผู้สอบทานงบแสดงสถานะทางการเงินรายใดถูกอธิบดีกรมสรรพากรเพิกถอนการให้ความเห็นชอบแล้ว ๒ ครั้ง อธิบดีกรมสรรพากรจะไม่พิจารณาให้เป็นผู้สอบทานงบแสดงสถานะทางการเงินอีก

                      การยื่นขอความเห็นชอบผู้สอบทานงบแสดงสถานะทางการเงินตาม (๑) (๒) และ (๓) ของวรรคหนึ่ง ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใช้แบบขอความเห็นชอบผู้สอบทานงบแสดงสถานะทางการเงินสำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา ๖๗ ทวิ (๒) แห่งประมวลรัษฎากร ตามแบบแนบท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้อธิบดีกรมสรรพากรจะให้ผู้สอบทานงบแสดงสถานะทางการเงินดังกล่าวจัดส่งแนวการตรวจสอบบัญชี (AUDIT PROGRAM) และข้อมูลอื่นเพื่อประกอบการพิจารณาด้วยก็ได้

                      บริษัทบริหารสินทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ประสงค์จะคำนวณและชำระภาษีจากกำไรสุทธิของรอบระยะเวลาหกเดือนนับแต่วันแรกของรอบระยะเวลาบัญชี เมื่อได้ดำเนินการตามข้อ ๒ และข้อ ๔ แล้ว ให้ถือว่าบริษัทบริหารสินทรัพย์นั้นได้รับความเห็นชอบผู้สอบทานงบแสดงสถานะทางการเงินจากอธิบดีกรมสรรพากรตามวรรคหนึ่งแล้ว

      ข้อ   6   อธิบดีกรมสรรพากรมีอำนาจเพิกถอนการให้ความเห็นชอบผู้สอบทานงบแสดงสถานะทางการเงิน ในกรณีที่ผู้สอบทานงบแสดงสถานะทางการเงินขาดคุณสมบัติการเป็นผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชี หรือมิได้ปฏิบัติตามระเบียบที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรีซึ่งออกตามความในมาตรา ๓ สัตต แห่งประมวลรัษฎากร

      ข้อ   7   ผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชีที่ได้รับความเห็นชอบให้สอบทานงบแสดงสถานะทางการเงินของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใด ให้สิ้นสุดลงเมื่อ

                      (๑)  ผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชีรายนั้นขาดคุณสมบัติตามระเบียบที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรีซึ่งออกตามความในมาตรา ๓ สัตต แห่งประมวลรัษฎากร

                      (๒)  บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นเปลี่ยนแปลงผู้สอบทานงบแสดงสถานะทางการเงิน

                      (๓)  อธิบดีกรมสรรพากรเพิกถอนการให้ความเห็นชอบผู้สอบทานงบแสดงสถานะทางการเงินรายนั้น

                      (๔)  บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น แสดงความประสงค์ไม่คำนวณกำไรสุทธิตามมาตรา ๖๗ ทวิ (๒) แห่งประมวลรัษฎากร

      ข้อ   8   กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามข้อ ๒ ได้รับความเห็นชอบผู้สอบบัญชีจากอธิบดีกรมสรรพากรตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๔๓) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา ๖๗ ทวิ (๒) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๔๙) ลงวันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๖ ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๖๗) ลงวันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๗๘) ลงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ ให้ถือว่าเป็นผู้ได้รับความเห็นชอบจากอธิบดีกรมสรรพากรตามประกาศฉบับนี้

      ข้อ   9   ในกรณีที่มีปัญหาในการปฏิบัติให้อธิบดีกรมสรรพากรมีอำนาจวินิจฉัย และคำวินิจฉัยของอธิบดีกรมสรรพากรให้ถือเป็นหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดตามประกาศนี้ด้วย

      ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันออกประกาศนี้ เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2546
ศุภรัตน์ ควัฒน์กุล
(นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล)
อธิบดีกรมสรรพากร

เอกสารแนบท้ายประกาศ >>



NAVIGATOR:  ประมวลรัษฎากร > ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร > เกี่ยวกับภาษีเงินได้ ฉบับที่ 128