|
|
|
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร |
เรื่อง |
กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเป็นองค์กรวิชาชีพบัญชี หรือหน่วยงานที่อธิบดีให้ความเห็นชอบในการจัดอบรมทางด้านกฎหมายภาษีอากรแก่ผู้สอบบัญชีภาษีอากร |
-------------------------------- | |
อาศัยอำนาจตามมาตรา 3 สัตต แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร
(ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 และข้อ 5 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับการตรวจสอบและรับรองบัญชี
เรื่อง กำหนดระเบียบเกี่ยวกับการตรวจสอบและรับรองบัญชี ตามมาตรา 3 สัตต แห่งประมวลรัษฎากร
ลงวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2544 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
เกี่ยวกับการตรวจสอบและรับรองบัญชี (ฉบับที่ 2) เรื่อง กำหนดระเบียบเกี่ยวกับการตรวจสอบและรับรองบัญชี
ตามมาตรา 3 สัตต แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545 และข้อ
4 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.98/2544 เรื่อง กำหนดคุณสมบัติ การทดสอบ การขอขึ้นทะเบียน
การออกใบอนุญาต การอบรม การต่ออายุ และการขอออกใบแทนใบอนุญาตเป็นผู้สอบบัญชีภาษีอากร
ตามมาตรา 3 สัตต แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2544 อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขการ เป็นองค์กรวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานที่อธิบดีให้ความเห็นชอบในการจัดอบรมทางด้านกฎหมายภาษีอากรแก่ผู้สอบบัญชีภาษีอากรไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 องค์กรวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานที่ประสงค์จะขอเข้าเป็นองค์กรวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานที่อธิบดีให้ความเห็นชอบในการจัดอบรมทางด้านกฎหมายภาษีอากรแก่ผู้สอบบัญชีภาษีอากร
ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังนี้
(1) องค์กรวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานนั้นต้องเป็นสถาบันอุดมศึกษาของรัฐสถาบันอุดมศึกษาเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน
สถานฝึกอบรมวิชาชีพเอกชนที่มีฐานะเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล มูลนิธิหรือสมาคม
หรือหน่วยงานสวัสดิการภายใน ส่วนราชการที่มีวัตถุประสงค์หลักในการดำเนินงานเพื่อเผยแพร่ความรู้และจัดอบรมสัมมนาทางด้านกฎหมายภาษีอากรโดยเฉพาะให้แก่ข้าราชการและบุคคลทั่วไป
องค์กรวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานตามวรรคหนึ่งจะต้องยื่นหนังสือต่ออธิบดีผ่านผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานการสอบบัญชีภาษีอากร
แสดงความประสงค์เป็นองค์กรวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานที่อธิบดีให้ความเห็นชอบเป็นผู้จัดอบรมทางด้านกฎหมายภาษีอากรแก่ผู้สอบบัญชีภาษีอากร
พร้อมกับแนบเอกสารดังต่อไปนี้
(ก) สำเนาหรือภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีอำนาจกระทำการในนามของนิติบุคคล
สถาบันอุดมศึกษา หรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพเอกชน และบัตรประจำตัว ผู้เสียภาษีอากรของนิติบุคคล
สถาบันอุดมศึกษา หรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพเอกชน พร้อมกับสำเนาหรือภาพถ่ายหนังสือรับรองนิติบุคคล
ทะเบียนสมาคม หรือหลักฐานอื่นที่แสดงฐานะเป็นนิติบุคคลหรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพเอกชน
แล้วแต่กรณี หรือ
(ข) เอกสารหลักฐานแสดงสถานภาพการเป็นหน่วยงานสวัสดิการภายในส่วนราชการ
พร้อมทั้งวัตถุประสงค์ในการดำเนินงาน
(ค) รายละเอียดหลักสูตร เนื้อหา ขอบเขตวิชา
และระยะเวลาในการจัดอบรม
(ง) ชื่อ คุณวุฒิ และประสบการณ์ในการทำงานของวิทยากรผู้บรรยาย
( แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการ
และเงื่อนไขการเป็นองค์กรวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานที่อธิบดีให้ความเห็นชอบในการจัดอบรมทางด้านกฎหมายภาษีอากรแก่ผู้สอบบัญชีภาษีอากร
(ฉบับที่ 2) ใช้บังคับ 7 ธันวาคม 2547 เป็นต้นไป )
(2) องค์กรวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานที่อธิบดีให้ความเห็นชอบในการจัดอบรมทางด้านกฎหมายภาษีอากรแก่ผู้สอบบัญชีภาษีอากร
ต้องจัดหลักสูตรการอบรมเกี่ยวกับกฎหมายภาษีอากร โดยมีเนื้อหาวิชาครอบคลุมกฎหมายหลักในประมวลรัษฎากรและให้มุ่งเน้นเนื้อหาที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงในแต่ละปี
ดังนี้
(ก) ภาษีเงินได้นิติบุคคล 6 ชั่วโมง
(ข) ภาษีมูลค่าเพิ่ม 3 ชั่วโมง
(ค) ภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีเงินได้หัก ณ
ที่จ่าย และกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับอื่น ๆ 3 ชั่วโมง
การจัดอบรมตามหลักสูตรในวรรคหนึ่ง ไม่ว่าจะจัดอบรมหลักสูตรที่ ครอบคลุมเนื้อหาวิชาทั้งหมดในคราวเดียวกันหรือไม่ก็ตาม
หากภายหลังองค์กรวิชาชีพบัญชีหรือ หน่วยงานที่อธิบดีให้ความเห็นชอบในการจัดอบรมทางด้านกฎหมายภาษีอากรแก่ผู้สอบบัญชีภาษีอากรดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรการอบรมจากที่อธิบดีให้ความเห็นชอบ
จะต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรต่ออธิบดีผ่านผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานการสอบบัญชีภาษีอากรพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน
การนับระยะเวลาในการจัดอบรมตามหลักสูตร ให้นับระยะเวลาในการจัดอบรม
1 ชั่วโมงการอบรมเท่ากับ 60 นาที สำหรับระยะเวลาในช่วงพิธีเปิด - ปิดการอบรม
และเวลาพัก ไม่ให้นับเป็นชั่วโมงการอบรม และหากไม่มีการกำหนดระยะเวลาพักไว้
ให้ถือเวลาพักรับประทานอาหารเป็น 1 ชั่วโมง และเวลาพักรับประทานอาหารว่างเป็นครั้งละ
15 นาที
(3) องค์กรวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานที่อธิบดีให้ความเห็นชอบในการจัดอบรมทางด้านกฎหมายภาษีอากรแก่ผู้สอบบัญชีภาษีอากร
ต้องจัดส่งหลักฐานการลงทะเบียนเข้ารับการอบรมต่ออธิบดีผ่านผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานการสอบบัญชีภาษีอากรภายในหนึ่งเดือนนับแต่สิ้นสุดการอบรม
และจะต้องออกหนังสือรับรองการเข้ารับการอบรมในแต่ละครั้งให้แก่ผู้เข้ารับการอบรม
โดยหนังสือรับรองดังกล่าวจะต้องมีรายการอย่างน้อย ดังต่อไปนี้
(ก) ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรขององค์กรวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานที่จัดอบรม
(ข) เลขที่หนังสือ และวันที่ที่ได้รับความเห็นชอบในการจัดอบรมจากอธิบดีกรมสรรพากร
(ค) ชื่อผู้เข้ารับการอบรม
(ง) หลักสูตรที่อบรม
(จ) วัน เวลา และจำนวนชั่วโมงที่เข้ารับการอบรม
(ฉ) วันที่ออกหนังสือรับรอง
"ข้อ 1/1 องค์กรวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานที่อธิบดีให้ความเห็นชอบในการจัดอบรมทางด้านกฎหมายภาษีอากรแก่ผู้สอบบัญชีภาษีอากรใดไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนดในประกาศนี้ อธิบดีอาจพิจารณาสั่งถอนการเป็นองค์กรวิชาชีพบัญชีหรือ
หน่วยงานที่อธิบดีให้ความเห็นชอบในการจัดอบรมทางด้านกฎหมายภาษีอากรก็ได้
"
( แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการ
และเงื่อนไขการเป็นองค์กรวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานที่อธิบดีให้ความเห็นชอบในการจัดอบรมทางด้านกฎหมายภาษีอากรแก่ผู้สอบบัญชีภาษีอากร
(ฉบับที่ 2) ใช้บังคับ 7 ธันวาคม 2547 เป็นต้นไป )
ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ที่ลงในประกาศนี้เป็นต้นไป
|
|
ประกาศ ณ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 |
ศุภรัตน์ ควัฒน์กุล (นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล) |
|
อธิบดีกรมสรรพากร |
| |
|
|
NAVIGATOR: ประมวลรัษฎากร > ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร > กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเป็นองค์กรวิชาชีพบัญชี หรือหน่วยงานที่อธิบดีให้ความเห็นชอบในการจัดอบรมทางด้านกฎหมายภาษีอากรแก่ผู้สอบบัญชีภาษีอากร
|
|